การตลาดยุคนี้ เขาเน้นที่การทำการตลาดออนไลน์ แต่มันมีหลายช่องทางเหลือเกิ๊น จะทำครบทั้งหมดก็ต้องใช้เวลา และงบประมาณมหาศาล จะไปเน้นที่ส่วนไหนดี?
เรามีตัวช่วยกับ แผนภาพสรุปการค้าขายในยุคนี้ (4.0 หรือ 5.0 อันนี้ก็ยังไม่แน่ใจนะ) แต่ทำครบ ตัวเลขยอดขายพุ่งแน่นอน!
1. มีเว็บขายสินค้าของตัวเอง
ลงทุนหน่อย แต่อยู่กับเราได้ยาว และคุ้มค่าที่สุด โดยเว็บของตัวเอง จะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
– เว็บที่คุณจดโดเมนเนมและเช่าโฮสติ้ง เพื่อจัดเก็บข้อมูลและทำการติดตั้งโปรแกรมเว็บเป็นของตนเอง โดยข้อมูลสินค้าและบนเว็บเป็นของเรา 100% และโปรแกรมเว็บที่นิยมใช้กัน เช่น WordPress, Magento, โปรแกรมที่เขียนขึ้นมาเองตามความต้องการ เป็นต้น
– เว็บที่คุณจดโดเมนเนม แต่เช่าโปรแกรมเว็บและพื้นที่จัดเก็บไปพร้อมกัน โดยส่วนใหญ่จะเสียค่าบริการแบบรายปี ข้อดี คือประหยัด แต่ข้อเสีย คือ เมื่อคุณเลิกใช้งานหรือไม่เสียค่าบริการแบบรายปี ข้อมูลทุกอย่างก็จะหายไป ไม่สามารถนำออกมาจากโฮสติ้งได้ เช่น Tarad.com, ReadyPlanet.com, lnwshop.com เป็นต้น
2. ฝากขายสินค้าบน Market place
เช่น Lazada, Shopee, Tarad.com, lnwshop, Kaidee, SMEmarket.co, และอีกมากมาย แต่ถ้าใครอยาก Go Inter และมีความชำนาญด้านภาษา ก็ไปที่ Amazon, eBay ได้เลย โดยมีข้อดี คือ ประหยัด เข้าถึงลูกค้าได้รวดเร็ว แต่ข้อเสีย คือ เมื่อคุณเลิกใช้งานข้อมูลทุกอย่างก็จะหายไป ไม่สามารถนำออกมาจากโฮสติ้งได้ และมีการจัดเก็บค่าบริการพิเศษเพิ่มตามยอดขายที่เกิดขึ้นจริง เช่น ค่าทำการตลาด, ค่าออกแบบตกแต่ง, ค่าลงโฆษณาในตำแหน่งพิเศษ, ค่าบริการระบบชำระเงินออนไลน์ เป็นต้น
3. มีหน้าร้านของตัวเอง
ถ้าคุณมีหน้าร้านอยู่แล้ว หรือเป็นธุรกิจที่สืบทอดต่อกันมา ก็ไม่จำเป็นต้องปิดหน้าร้านทั้งหมด เพื่อมาทำออนไลน์แบบเต็มตัว ควรมีอย่างน้อย 1 สาขา เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ และเพื่อความสะดวกของลูกค้าเก่าดั้งเดิม ในการแวะเวียนมาอุดหนุนคุณ ถึงแม้การซื้อของออนไลน์จะสะดวก รวดเร็ว แต่ก็มีกลุ่มคนไม่น้อยที่ชอบมาเดินเลือกซื้อสินค้าด้วยตัวเอง
สำหรับธุรกิจใหม่ หากคุณต้องการรองรับคนกลุ่มนี้ และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ ก็สามารถเปิดหน้าร้านได้ แต่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่จะตามมาด้วย ว่าคุ้มค่าเพียงใด ทั้งค่าเช่าที่, ค่าพนักงานขายหน้าร้าน
4. รักษาคุณภาพ, มีโปรโมชั่น ให้มีเครือข่ายการบอกต่อ
เมื่อคุณมีแบรนด์ธุรกิจหรือยี่ห้อสินค้า สิ่งสำคัญที่คุณต้องรักษาไว้ คือ คุณภาพของสินค้าและการให้บริการ อย่าให้ตกหล่นหรือลดลง เพราะถ้าของคุณดีจริง บริการดี ต่อให้ไกลแค่ไหน ลูกค้าก็ต้องการมาใช้บริการของคุณ
แต่ถ้ามัวแต่รอให้ลูกค้าเดินเข้ามาหาเองก็คงไม่ได้ คุณควรจะเพิ่มการเข้าถึงและกระจายสินค้าออกไปหาลูกค้าด้วย โดยการจัดทำโปรโมชั่นพิเศษอยู่สม่ำเสมอ พร้อมกับการสร้างเครือข่ายการบอกต่อแบบปากต่อปาก ไปพร้อมๆ กัน
5. ขายสินค้า และสร้างการบอกต่อบนโซเชียลมีเดีย
นอกจากการสร้างเครือข่ายการบอกต่อแบบปากต่อปากแล้ว คุณควรใช้สื่อช่วยในการประชาสัมพันธ์แบรนด์ธุรกิจหรือยี่ห้อสินค้าของคุณด้วย เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนยุคใหม่หรือบุคคลใช้งานอยู่บนโซเชียลมีเดีย ที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
6. ลงโฆษณาตามสื่อต่างๆ เท่าที่จำเป็น
สำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็ว และเห็นผลไวๆ ก็แนะนำให้ใช้บริการลงโฆษณาตามสื่อยอดนิยม ได้แก่ Google Ads, Facebook Ads หรือจะตามเทรนด์ตอนนี้ ก็ใช้บริการกลุ่มคนที่มีเชี่ยวชาญและมีผู้ติดตามเยอะๆ บนสื่อโซเชียลมีเดีย หรือที่เรียกว่า Micro-Influencer เพื่อให้ช่วยมารีวิวและโปรโมทแบรนด์ธุรกิจหรือยี่ห้อสินค้าให้กับเรา
ทำให้ครบตามนี้ รับรองมีรายได้เข้ามา และขายสินค้าได้แน่นอนครับ